ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2022

ประวัติ หลวงปู่อิ่ม ปญฺญาวุโธ หรือ พ่อท่านอิ่ม วัดทุ่งนาใหม่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช

หลวงปู่อิ่ม ปญฺญาวุโธ หรือ พ่อท่านอิ่ม วัดทุ่งนาใหม่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช สำหรับประวัติ "หลวงปู่อิ่ม" ถือว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ 5 เเผ่นดิน และศิษย์ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน "หลวงปู่อิ่ม" มีเดิมชื่อ นายอิ่ม วุฒิพงศ์ เป็นบุตร นายเอี่ยม นางช่วย วุฒิพงศ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 6 ธันวาม 2459 หรือช่วงต้นรัชกาลที่ 6  เมื่ออายุ 17 ปี ราวปี 2476 ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยพระครูรังสรรค์อธิมุตต์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดยางค้อม โดยในวัยเด็ก ท่านมีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ อันเนื่องด้วยจากท่านเป็นหลานเเท้ ๆ ของพ่อท่านคล้าย ซึ่งท่านจะมาหาญาติของท่าน ซึ่งเป็นครอบครัวของ "หลวงปู่อิ่ม" อยู่เป็นประจำ จนเมื่ออายุครบ 20 ปี ในราวปีพ.ศ. 2479 ท่านได้อุปสมบท โดยมี พระอาจารย์ปลอด วัดนาเขลียง เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดยางค้อม เเละได้ครองสมณะเพศเป็นเวลา 1 ปีจึงได้ ได้ลาสิกขา เพราะจำเป็นต้องไปช่วยพ่อแม่ทำสวน ตามวิถีชีวิตปกติของคนทั่วไป เเต่ขณะท่านเป็นฆราวาส ก็ยังคงได้ ร่ำเรียนวิชาจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ซึ่งเป็นทั้งครูอาจารย์เเละเป็นญาติผู้ใหญ่ม

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง ๕ แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ ๑ พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ ๑ ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เจดีย์ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง ๕ แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ ๑ พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ ๑ ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจาร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง ๕ แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ ๑ พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ ๑ ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒา

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง ๕ แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ ๑ พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ ๑ ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจ

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม วัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย ธนบุรี กรุงเทพมหานคร พระสมเด็จฯ วัดระฆังโฆสิตาราม เป็นองค์พระประธานใน พระชุดเบญจภาคี ท่านผู้สร้าง คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธคุณ ความศักดิ์สิทธิ์ของพระสมเด็จวัดระฆัง มีมากมาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่มีวงการพระเครื่องมา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) ที่พระนครศรีอยุธยา ท่านมีอายุยืนยาวนานถึง ๕ แผ่นดิน โดยในสมัยรัชกาลที่ ๕ ท่านเป็นหนึ่งในบุคคลไม่กี่คนที่อยู่ทันเห็น รัชกาลที่ ๑ พระองค์จริง ทั้งนี้ เมื่อท่านอุปสมบท รัชกาลที่ ๑ ทรงพระเมตตารับเป็นนาคหลวง อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านเป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน พระสังฆราชองค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นผู้สร้าง พระสมเด็จฯอรหังขึ้น ทั้งนี้ ว่ากันว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้ดำเนินรอยตามการสร้างพระตามสมเด็จพระสังฆราช (สุก) ไก่เถื่อน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๗ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจาร

พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง

พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง

พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง (มือตกเข่า) วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง (มือตกเข่า) วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พ

พระนางพญา พิมพ์อกนูนใหญ่ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์อกนูนใหญ่ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พิมพ์เข่าตร

พระนางพญา พิมพ์อกนูนเล็ก วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์อกนูนเล็ก วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พิมพ์เข่าตร

พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์สังฆาฏิ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2. พระนางพญา พิมพ์เข่าตรง

พระนางพญา พิมพ์ทรงเทวดา หรือพระนางพญา พิมพ์อกแฟบ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก

พระนางพญา พิมพ์ทรงเทวดา หรือพระนางพญา พิมพ์อกแฟบ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก พระนางพญา หรือที่เรียกกันว่า ราชินีแห่งพระเครื่องนั้น เป็นพระเครื่องเนื้อดินที่พบในกรุเจดีย์วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการทะนุบำรุง และปฏิสังขรณ์โดยพระวิสุทธิกษัตริย์ พระราชธิดาในสมเด็จพระมหาจักพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระมเหสีในพระมหาธรรมราชา และพระชนนีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ สำหรับ วัดนางพญา นั้น สันนิษฐานว่าพระวิสุทธิกษัตริย์ได้สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาอุทิศแด่พระมารดา คือ สมเด็จพระสุริโยทัยในคราวที่สิ้นพระชนม์ในการสู้รบกับกองทัพพม่า พระนางพญา เป็นพระพุทธประติมากรรมขนาดเล็ก พระพิมพ์เนื้อดินประทับปางมารวิชัย รูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วอย่างทรงเรขาคณิต ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพระนางพญา พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่าน และเกสรดอกไม้ ปรากฎแร่กรวดทราย ผสมผสานคลุกเคล้า กดเป็นองค์พระแล้วเสร็จจึงนำไปเผา จำนวนพระที่สร้าง คือ 84,000 องค์ ครบถ้วนตามจำนวนพระธรรมขันธ์ ผ่านพิธีกรรมพุทธาภิเษกเป็นอย่างดี ในปัจจุบัน มีการจัดมาตรฐาน พระนางพญา ไว้ 7 พิมพ์ ดังนี้ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง

พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ใหญ่) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง" ต้นต

พระสมเด็จ พิมพ์ทรงเจดีย์ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ทรงเจดีย์) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์ทรงเจดีย์ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ทรงเจดีย์) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง&

พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์เส้นด้าย วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง&qu

พระสมเด็จ พิมพ์เกศบัวตูม วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์เกศบัวตูม วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง&

พระสมเด็จ พิมพ์สังฆาฏิ ไม่มีหู วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ ไม่มีหู) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์สังฆาฏิ ไม่มีหู วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ ไม่มีหู) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เส

พระสมเด็จ พิมพ์สังฆาฏิ มีหู วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ มีหู) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์สังฆาฏิ มีหู วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ มีหู) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตร

พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์ฐานแซม วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง"

พระสมเด็จ พิมพ์ฐานคู่ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์ฐานคู่ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง"

พระสมเด็จ พิมพ์อกครุฑ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์อกครุฑ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง"

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ปรกโพธิ์) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี)

พระสมเด็จ พิมพ์ปรกโพธิ์ วัดบางขุนพรหม (พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ปรกโพธิ์) สมเด็จพุฒาจารย์โต (พรหมรังสี) วัดบางขุนพรหม เป็นวัดซึ่งมีแต่ครั้งกรุงธนบุรี เดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดวรามตาราม" แต่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "วัดบางขุนพรหม" ต่อมามีถนนตัดผ่านจึงแบ่งแยกออกเป็นสองวัด คือ วัดบางขุนพรหมใน และวัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมีชื่อต่อมาก็คือ "วัดอินทรวิหาร" นั่นเอง ส่วนวัดบางขุนพรหมนอก ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดใหม่อมตรส" ซึ่งเป็นวัดต้นตำนานพระกรุที่ลือชื่อก็คือ "พระสมเด็จบางขุนพรหม" ที่มีชื่อเสียงขจรขจายเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีวัดบางขุนพรหม มีผู้อุปถัมภ์อุปการะวัดเป็นกำลังสำคัญก็คือ "พระองค์เจ้าอินทร์" และเป็นผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับ "สมเด็จพุฒาจารย์โต" (พรหมรังสี) อริยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เจ้าอินทร์ได้สละทรัพย์เพื่อซื้อที่ดินมอบให้แก่วัดบางขุนพรหมเพื่อขยายให้กว้างขวางเป็นจำนวนมากปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างภายในวัดให้สวยงาม ต่อมาเมื่อสิ้นพระองค์เจ้าอินทร์ ผู้มีอุปการะวัดคนต่อมาก็คือ "เสมียนตราด้วง&qu

พระสมเด็จเกษไชโย พิมพ์ 7 ชั้น นิยม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดไชโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง

พระสมเด็จเกษไชโย พิมพ์ 7 ชั้น นิยม สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)  วัดไชโยวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ที่ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2433 วัดนี้เดิมเป็นวัดราษฎร์สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ต่อมาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ สาเหตุที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า โยมตา และโยมมารดาของท่านเคยอยู่ที่แถบวัดนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงมาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 2400-2409 การสร้างพระพุทธรูปครั้งแรกสร้างเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ ขนาดใหญ่โตมาก ใช้วิธีก่ออิฐสอปูน แต่ต่อมาได้พังทลายลงมาเจ้าประคุณสมเด็จฯจึงได้สร้างขึ้นใหม่ เป็นครั้งที่ 2 ก่ออิฐสอปูน ไม่ได้ปิดทอง มีขนาดสูงใหญ่นั่งอยู่กลางแจ้งเห็นได้แต่ไกล ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสมณฑลอยุธยา พ.ศ. 2421 เมื่อเรือพระที่นั่งผ่านวัดไชโย พระองค์มีพระราชหัตถเลขาไว้ว่า “วันจันทร์ เดือนสิบสองขึ้น 10 ค่ำ เว

พระสมเด็จเกษไชโย พิมพ์ 6 ชั้นอกตัน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดไชโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง

พระสมเด็จเกษไชโย พิมพ์ 7 ชั้นอกตัน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)  วัดไชโยวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ตั้งอยู่ที่ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2433 วัดนี้เดิมเป็นวัดราษฎร์สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง ต่อมาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ สาเหตุที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้มีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า โยมตา และโยมมารดาของท่านเคยอยู่ที่แถบวัดนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงมาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 2400-2409 การสร้างพระพุทธรูปครั้งแรกสร้างเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ ขนาดใหญ่โตมาก ใช้วิธีก่ออิฐสอปูน แต่ต่อมาได้พังทลายลงมาเจ้าประคุณสมเด็จฯจึงได้สร้างขึ้นใหม่ เป็นครั้งที่ 2 ก่ออิฐสอปูน ไม่ได้ปิดทอง มีขนาดสูงใหญ่นั่งอยู่กลางแจ้งเห็นได้แต่ไกล ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสมณฑลอยุธยา พ.ศ. 2421 เมื่อเรือพระที่นั่งผ่านวัดไชโย พระองค์มีพระราชหัตถเลขาไว้ว่า “วันจันทร์ เดือนสิบสองขึ้น 10 ค่ำ เว