ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปฏิปทา และข้อวัตรปฏิบัติ ของ หลวงพ่อเกษม เขมิโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง

ปฏิปทา และข้อวัตรปฏิบัติ ของ หลวงพ่อเกษม เขมิโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง

ปฏิปทาและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ จากคำบอกเล่าของเจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง หลานชายของท่าน ซึ่งท่านรักและเอ็นดูเปรียบเสมือนบุตรบุญธรรม ได้เล่าบันทึกเทปเอาไว้ว่า
หลวงพ่อ (เจ้าประเวทย์เรียกหลวงปู่ว่า "หลวงพ่อ" ไม่เรียก "หลวงลุง" ตามศักดิ์) เวลาอยู่วัดนั้นจะวิปัสสนาภาวนาอย่างเดียว ท่านไม่สนใจเรื่องสร้างวัด หญ้าก็ไม่แผ้วถาง ปล่อยให้ขึ้นรกรุงรัง เวลาออกบิณฑบาตกลับวัด จะต้องเอาข้าวอาหารที่ได้รับ มาแบ่งข้าว และจิ้มส้ม ใส่บาตรไปให้แม่ก่อน ให้แม่กินก่อน แล้วก็เอาข้าว โยนให้นก ให้หมา กา กิน เวลาออกบิณฑบาต มีหมาตามเป็นฝูง เพราะมันเคยได้ส่วนบุญกิน
เจ้าแม่บัวจ้อน กลัวลูกจะไม่ได้กินดีตอนอยู่วัดบุญยืน เวลาแกงผักก็แอบเอาฮ้า (ปลาร้า) ใส่ในแกง หลวงพ่อดมมีกลิ่น ไม่ฉัน แล้วพูดออกมาว่า ใครเอาฮ้าใส่แกง ผมก็ต้องรับเอาว่าผม (เจ้าประเวทย์) เอาฮ้าใส่ ท่านพูดน้อย ไม่กิน แล้วไม่พูด
หลวงพ่อฉันมื้อเดียว ข้าวปลาอาหาร ขนม ที่เหลือก็ขว้างทิ้งให้นกกาหมากินหมด หลวงพ่อบวชครั้งแรก บวชหน้าไฟ บวชอีกครั้งหนึ่งอายุ ๑๖ ปี เพราะการชักนำมาบวชเณรของตุ๊เจ้าเหมย เพื่อต้องการเอามาเป็นช่างฮ่ำ ช่างจ๊อยแท้ ๆ
หลวงพ่ออุปสมบทปี ๒๔๗๖ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ในกุฏิตามข้างฝาเต็มไปด้วยภาษิต หลักปฏิบัติธรรมเต็มไปหมด
ภายหลังท่านหนีออกจากวัดบุญยืน ไปอยู่ป่าช้าศาลาวังทาน ท่านกลัวอะไรรู้ไหม? หลวงพ่อกลัวเหยียบมด นั่งทับมดตาย
ตอนไปอยู่ป่าช้าศาลาวังทาน ผมต้องตามไปปฏิบัติ บางครั้งท่านนั่งภาวนาบนศาลา บางครั้งผมนอน ท่านก็มานั่งอยู่เหนือศีรษะผม นั่งภาวนาดึกดื่น คืนหนึ่งฝนตก ผมนอนไม่หลับ เพราะมดนับล้านตัว เป็นฝูงใหญ่หนีฝนขึ้นมาบนศาลากัดเอาผมขณะที่นอน ผมลุกขึ้นหากระดาษมาจุดไฟเผาตายทั้งฝูงใหญ่ หลวงพ่อลืมตามอง ไม่พูด รุ่งเช้าท่านเขียนจดหมายสั่ง เหมือนคำสั่งบอกว่า "เณรเวทย์ กลับไปล้างส้วมที่วัด ๑๕ วัน"
หลวงพ่อไม่ใช่นักสะสม
ตอนอยู่วัดบุญยืน ผมขึ้นลำไยวัด ขายได้เงิน ๕๐ บาท หลวงพ่อสั่งว่า เอาเงินไปซื้อน้ำมันก๊าดมาทั้งหมด เอาน้ำมันก๊าดไปใส่ตะเกียงจุดให้แสงสว่างหน้าพระในวิหาร ในกุฏิ เงินนั้นไม่ให้เก็บไว้เลย หลวงพ่อไม่เคยนอนกางมุ้ง ที่วัดไม่มีมุ้ง ไม่มีที่นอนอื่นใด นอนกับพื้นและมักจะออกไปนอนในวิหาร หรือใต้ต้นแก้ว
มูลเหตุที่หลวงพ่อ เปลี่ยนนามสกุล จาก "ณ ลำปาง" มาเป็น "มณีอรุณ"
คืนหนึ่งใกล้รุ่ง (ใกล้แจ้ง) เจ้าแม่จ้อน ซึ่งอุ้มท้องหลวงพ่อจวนจะถึงกำหนดคลอด ได้ฝันไปว่า เห็นสายรุ้งเต็มท้องฟ้า เจ้าแม่จ้อน ได้สาวเอาสายรุ้งเข้ามากอดไว้ แล้วสะดุ้งตื่น ได้เอาฝันใกล้แจ้งมาแก้กับพ่อน้อยหนู สามี พ่อน้อยหนู จึงแก้คำฝันให้เป็นการเปลี่ยนนามสกุลจาก ณ ลำปาง เป็น มณีอรุณ มณี หมายถึงแก้ว อรุณ หมายถึงรุ่งสว่าง แปลว่า แก้วที่รุ่งแจ้งแสงใส หรือ แก้วมาเกิด ต่อมา เจ้าแม่จ้อน ก็ให้กำเนิดหลวงพ่อ (ซึ่งเป็นเสมือน) แก้วมาเกิด ตามนามสกุลใหม่
อสูรกายจับมือหลวงพ่อ
มีเรื่องหนึ่ง ผมว่าควรจะเขียนหรือไม่ คือ เรื่องผี เรื่องนี้มาจากปากคำเล่าของหลวงพ่อโดยตรง ท่านเล่าให้ผมฟัง เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่อยู่ป่าช้าแม่อาง พ่อของอ้ายหวัน (อ้าย แปลว่า พี่) คนขับรถ ได้เกิดตายลง จึงได้เอาศพพ่อของอ้ายหวันไปฝังที่ป่าช้าแม่อาง ซึ่งหลวงพ่อภาวนาอยู่ วันนั้น คืนนั้น หลังฝังศพแล้ว หลวงพ่อก็ไปนั่งภาวนาในยามค่ำคืนที่หลุมศพ ผม (เจ้าประเวทย์) นั้นนอนที่ศาลาก่อไผ่ หลวงพ่อออกไปนั่งภาวนายามใด ไม่รู้ ทีแรกก็อยู่ด้วยกันแท้ๆ ผมหลับไป
หลวงพ่อมาเล่าในตอนหลังว่า ขณะที่ท่าน "มูบ" (นอนหมอบ) เอาผ้าจีวรคลุมศีรษะ ภาวนาอยู่นั้น ท่านได้ยินเสียงดังเหมือนเสียงอ่ำของวัว ของควาย แล้วรู้สึกว่าเหมือนมีใครมานั่งหอบหายใจเส่า หอบอยู่ตรงที่ท่านมูบ จนท่านรู้สึกว่าลมหายใจกระทบ ท่านนิ่งภาวนา เสียงหอบก็ดังยิ่งขึ้น ท่านจะผงกหัว เปิดผ้าจีวรออกมองหน้า ก็กลัวมันอาย จึงตั้งใจภาวนาครู่หนึ่ง ก็พูดออกมาว่า
"ถ้าเป็นอสูรกาย ขอให้จับมือ"
หลวงพ่อรู้สึกว่าถูกจับข้อมือแรง ๆ มือที่จับมานั้นรู้สึกว่ามีขนหนารุงรัง เข้าใจว่าเหมือนขนลิงตัวใหญ่ เสียงหอบ เสียง "ห่า" ของสิ่งประหลาดดังยิ่งขึ้น มันจับมือท่านครู่หนึ่งก็ปล่อย แล้วพูดข้างหูหลวงพ่อว่า
"อยู่ดี ดี เน้อ ป้อ เน้อ..." แล้วได้ยินเสียงมันลุกเดินจากไป
รุ่งเช้า หลวงพ่อถามผมว่า "เวทย์ เณรเดินมาที่เฮามูบใช่เก่า" ผมปฏิเสธว่าไม่ได้เดินมา หลวงพ่อจึงพูดว่า "แหม เฮานึกว่าเวทย์มาที่นี้"
ข้อมือของหลวงพ่อที่มีผิวขาวอยู่แล้ว เมื่อถูกอสูรกายกำอย่างแรงเป็นรอยแดงก่ำเห็นได้ชัดเจน
โดนลองของดีอีกในคืนที่สาม
คืนที่สามหลังฝังศพพ่ออ้ายหวัน หลวงพ่อก็ภาวนาในป่าช้าแม่อางตามปกติ คืนนั้น ท่านนอนหงายภาวนา เหนือหลุมศพ เริ่มดึก ท่านก็มองเห็นร่างสูงใหญ่ ตัวขาว ผมขาวโพลน เดินมาอยู่ปลายเท้าของท่าน ยืนนาน ท่านจึงส่งสัญญาณให้นั่งลง ร่างนั้นนั่งลงโดยดี หัวเขาสูงล้ำคาง ครู่ต่อมา ก็ก้มลงกราบสามหน แล้วเดินถอยหายไป
ผมจำได้ว่าเรื่องนี้ท่านเล่าให้ฟังและเกิดที่ป่าช้าแม่อาง ปี พ.ศ. ๒๔๙๓
ผัวท้าผีเมียตายพราย (ตายท้องกลม) ออกมายิงกัน
ครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อภาวนาอยู่ที่ป่าช้าศาลาวังทาน ได้มีผีเมียตายพรายของคนจีนบ้านแถวสพานรัษฎา เอามาเผา หลวงพ่อ เวลามีศพมาเผา ท่านจะหลบไปภาวนาในป่าไผ่ ผีเมียตายพราย ตายออกลูกนี้ เขาถือไม่ให้เผา ต้องฝัง แต่ผัวคนตายไม่เชื่อว่า "ขึด" ไม่กลัว จึงขอเผาคืนนั้น หลังพวกเผาศพกลับไปหมดแล้ว หลวงพ่อก็มานั่งภาวนา ข้างกองไฟเผาผี ผมอยู่บนศาลาประมาณสี่ทุ่ม ก็มีเสียงดัง เสียงด่า เสียงอาละวาด ท้าทาย ลั่นเข้ามาในป่าช้า ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผัวของเมียตายพราย เมาเหล้า ส่งเสียงด่าลั่น มือถือปืนพก กวัดแกว่ง เดินรี่เข้ามาที่กองไฟเผาผี ร้องท้าทายลั่นว่า
"ผี ผีมีจริงออกมาซิวะ กูจะยิงให้ดับออกมาซีวะ มาสู้กัน..."
แล้วผัวคนตายก็ถือปืนเดินวนไปวนมารอบกองไฟที่แดงโชน ผมนั้นตกใจหมด กลัวว่ามันจะเห็นหลวงพ่อที่นั่งภาวนาข้างกองไฟเผาผี มันเห็นแล้วมันต้องเข้าใจว่า ผีเมียมัน มันยิงแน่ ๆ แต่แปลกมาก แปลกจริง มันไม่เห็น มองไม่เห็น เดินวนไปมา ครู่หนึ่ง ก็ออกจากป่าช้าไป.........ผมนั้นโล่งอก นี้อะไรกัน มันน่าจะมองเห็นหลวงพ่อ แต่มันมองไม่เห็น บารมีของท่านแท้ ๆ
นักเลงหาน้ำมันพรายวิ่งป่าราบ
มีเรื่องน่าขำเรื่องหนึ่งที่ควรจะบันทึกไว้ ที่ป่าช้าศาลาวังทานนี้แหละ คืนหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อกำลังภาวนา จีวรคลุมศีรษะ อยู่ข้างหลุมศพ เป็นคืนค่ำมืด ชายฉกรรจ์สามสี่คน จุดเทียนชูเหนือหัว เดินเคียงเข้ามาในป่าช้า ส่งเสียงลั่น เป็นพวกเล่นของ หาน้ำมันพรายเพื่อเอาไปทำเสน่ห์ พวกนี้เดินรี่ตรงมาที่หลุมศพ โดยไม่รู้ว่าหลวงพ่อนอนมูบ (นั่งหมอบ) ภาวนาอยู่ ทันใด หลวงพ่อลุกขึ้นยืน ตวัดผ้าจีวรคลุมศีรษะออก นักเลงหาน้ำมันพรายชายฉกรรจ์ใจกล้าหาญกลุ่มนั้น ร้องเสียงหลงตกใจ เผ่นหนีไปคนละทิศละทาง เขาคงคิดว่า พบผีพรายตายโหงเข้าแล้ว วิ่งป่าราบออกไป
รุ่งเช้า สืบดูว่าพวกนี้ เป็นกลุ่มของนักเลงเล่นของน้ำมันพราย กลุ่มของ "ครูเป็ง"

ที่มา: http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-kasem/lp-kasem-hist-02-01.htm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เหรียญพระนาคปรก รุ่นบุญมาบารมีทวีทรัพย์ หลวงปู่บุญมา โชติธัมโม สำนักสงฆ์เขาแก้วทอง

เหรียญพระนาคปรก รุ่นบุญมาบารมีทวีทรัพย์ หลวงปู่บุญมา โชติธัมโม สำนักสงฆ์เขาแก้วทอง ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

พระขุนแผน พรายเศรษฐี พระอาจารย์นเรศ วัดบุญน้ำทิพย์ (วัดน้ำจาง)

วัตถุมงคล พระขุนแผน พรายเศรษฐี พระอาจารย์นเรศ ธัมมโชโต วัดบุญน้ำทิพย์ (วัดน้ำจาง) จังหวัดเพชรบูรณ์ พระเกจิอาจารย์สายเขมร พระเกจิเจ้าของน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ สะเดาะเคราะห์ เสริมบารมี แห่งสำนักสงฆ์บุญน้ำทิพย์ (น้ำจาง).

วัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน รุ่นช้างคู่ ย้อนยุค ปี 60 วัดท้ายน้ำ

วัตถุมงคล หลวงพ่อเงิน รุ่นช้างคู่ ย้อนยุค ปี 60 วัดท้ายน้ำ ร่วมทำบุญ สร้างฐานหลวงพ่อเงิน (องค์ใหญ่) ให้สำเร็จ